Categories
News & Activities

ก่อนไปจำนำทะเบียนรถต้องรู้เรื่องสำคัญอะไรบ้าง?

การจำนำทะเบียนรถเป็นรูปแบบการขอสินเชื่อประเภทหนึ่งโดยเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุกหรือรถประเภทต่างๆ ไปใช้บริการกู้ยืมกับบริษัทสินเชื่อที่น่าเชื่อถือ โดยที่รถยังอยู่กับคุณโดยสามารถนำไปใช้งานเหมือนเดิมและไม่จำเป็นต้องมาจอดที่บริษัทสินเชื่อที่สำคัญไม่ต้องทำการโอนกรรมสิทธิ์ใดๆ แค่เพียงนำเล่มทะเบียนรถไปขอเอกสารทำสินเชื่อเท่านั้น

 

ข้อดีของการขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

-เป็นรูปแบบการขอสินเชื่อที่มีเงื่อนไขน้อยกว่ารูปแบบอื่น ทำให้สามารถอนุมัติได้ไว

-มีการเตรียมเอกสารน้อย โดยมีเพียงแค่เอกสารทะเบียนรถและเอกสารส่วนตัวเท่านั้น

-มีเงื่อนไขสำคัญเพียงข้อเดียวคือ รถต้องทำการปลอดหนี้จากการผ่อนชำระเรียบร้อยแล้วเท่านั้น

-สามารถขอสินเชื่อได้โดยไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน

-หากมีเงินก้อนสามารถดำเนินการปิดบัญชีได้ตลอดเวลา

ข้อควรระวังก่อนไปขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

  • เตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอกู้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้ครบถ้วน
  • เก็บรักษาเอกสารจำนำทะเบียนรถไว้ให้ดีเพื่อป้องกันมิจฉาชีพสวมรอย ควรเก็บเอกสารสำหรับนำไปดำเนินการขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไว้ในที่ส่วนตัวให้ดี ซึ่งหากมีผู้สวมรอยจะสามารถนำไปปลอมแปลงเอกสารเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นชื่อตัวเองได้

เลือกสถาบันการเงินต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ สำหรับผู้ที่สนใจอยากขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถควรเลือกใช้บริการสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือเป็นบริษัทที่ถูกกฎหมายเท่านั้น มีใบอนุญาตผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ เพื่อรับรองว่าเป็นหน่วยงานที่มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายจริง ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจะต้องไม่เกินกว่าประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง

 

แหล่งที่มา: https://sme.krungthai.com/sme/productListAction.action?command=getDetail&cateMenu=KNOWLEDGE&cateId=18&itemId=340

Categories
News & Activities

พินนะเคิล คว้าสามพอร์ท ปิดไตรมาสสุดท้าย บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

บริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด นำทีมโดย คุณพงศธร หาญวรโยธิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท และนายชนะพันธุ์ เทียมพันธ์  หัวหน้าทนายความฝ่ายกฎหมาย ร่วมลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องจากการประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ของบริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ตามเป้าหมายการซื้อหนี้ NPLs ในปี 2565 จากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขนาดพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ

โดยบริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ตั้งเป้าในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2568 หลังจากที่สามารถประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในช่วงครึ่งปี 2565 ทะลุเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ภาพรวมธุรกิจบริหารสินทรัพย์ มีการเติบโตที่ชัดเจน โดยทางบริษัทฯ มีการขยายเงินลงทุนต่อเนื่องเพื่อซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายให้ความสำคัญด้านการบริการที่ดีต่อลูกค้า พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือลูกค้าให้มีอิสรภาพทางการเงิน และเพื่อลดตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถขับเคลื่อนอย่างมั่นคง แข็งแรง ซึ่งบริษัท พินนะเคิล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่อยู่ในระหว่างดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารองค์กรยุคใหม่ ที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การการแข่งขันในธุรกิจประเภทเดียวกันที่สูงขึ้น ถือได้ว่าพินนะเคิลเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2566 นี้

 

แหล่งที่มา: https://www.matichon.co.th/publicize/news_3759106

Categories
News & Activities

SCB ขึ้นดอกเบี้ย ” ทั้งเงินฝาก-เงินกู้

ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ สอดรับกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำในอัตราสูงสุด 0.45% เพื่อสร้างผลตอบแทนเงินออม ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ MLR MOR และ MRR ปรับขึ้นในอัตรา 0.125% – 0.25% มีผลวันที่ 7 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป

 

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก ประกอบกับสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปของไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อแม้มีแนวโน้มปรับลดลง แต่ก็ยังคงสูงเกินกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและส่งผ่านการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ส่วนการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 0.125% – 0.25% ต่อปี ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้ประกาศปรับอัตรา ดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.45% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยใหม่อยู่ระหว่าง 0.25% – 1.40% ต่อปี

 

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.995% เป็น 6.120% ต่อปี

อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.500% เป็น 5.750% ต่อปี

อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.095% เป็น 6.345% ต่อปี

ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป

 

แหล่งที่มา: https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/185997